วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

จาก http://www.makinggameofthrones.com/production-diary/2014/6/3/pedro-pascal-explains-the-ecstasy-of-oberyn-martell

 

คุณรู้ชะตาของโอเบรินตั้งแต่เมื่อไร
          ผมทราบตั้งแต่แรกแล้ว มีรายละเอียดอยู่ในบทตัวละครตอนที่ผมออดิชั่น แต่ผมไม่รู้ว่าว่าเขาตายยังไง จนผมได้พบกับเดวิด เบนิออฟฟ์ (ผู้สร้างซีรีย์) และแดน ไวส์ ที่เบลฟาสต์ เขาเล่าถึงฉากบดขยี้หัวผมเป็น 3 ขั้นตอน ตอนแรกเริ่มจากฟัน หลังจากนั้นก็ลูกตา และสุดท้าย คือ หัวแตงโม ความคิดแรกของผม คือ "หวังว่าจะได้ขึ้นลำดับแรกๆ ของการตายสุดสยองใน Game of Thrones นะ" ซึ่งมันคงจะหมายถึงอะไรสักอย่าง


คุณเห็นฉากที่ถ่ายเสร็จแล้วหรือยัง
          ยังครับ แต่ผมเองก็จินตนาการไม่ออก (การสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นก่อนตอนที่ 8 ฉาย) ผมต้องดูพร้อมๆ กับทุกคน ผมเป็นห่วงครอบครัวผมมาก เป็นห่วงจริงๆ 


มันน่าสยดสยองอย่างที่เป็น แต่มันก็ดูสมจริงมากด้วย เขาได้ทำศีรษะปลอมขึ้นมาหรือเปล่า

         เขาสร้างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ช่วงไหล่ขึ้นไปและตกแต่งด้วยหนวดเครา และเติมสีหน้าเกรี้ยวกราดลงไป

 

คุณเห็นมันหรือยัง

            ครับ! มีคนเห็นผมยืนจ้องหัวตัวเองในกองถ่าย พวกเราไม่เคยมีโอกาสได้เห็นตัวเองแบบสามมิติ และมันดูแปลกออกไปมาก บางทีผมคงหลงตัวเองหน่อยๆ หรือแค่หลงใหลที่ได้เห็นตัวเองแบบ 360 องศา ผมรู้สึกเหมือนกันว่า "ให้ตายเหอะ ผมหน้าตาเหมือนพ่อมากเลย"

 

คุณฝึกการใช้หอกนานแค่ไหน

          HBO และ Game of Thrones ให้ผมไปฝึกวิชากับผู้เชี่ยวชาญวูซู ศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่ง จะฝึกกันจริงๆ ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต แต่ผมเรียนแค่ 2-3 สัปดาห์ อาจารย์ฮูจึงสอนผมได้แค่พื้นฐาน

 

อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการฝึก

          ทุกอย่างครับ โดยเฉพาะการใช้หอกที่สูงกว่าผมฟุตหนึ่งได้ มันมีท่าหนึ่งที่หมุนหอกให้เหมือนกับใบพัดเฮลิคอปเตอร์ที่ผมอยากทำให้ได้ ผมเลยไปซื้อราวผ้าม่านจากร้านขายของมาฝึกที่อพาร์ทเมนท์ เพราะผมอายเกินกว่าที่จะไปฝึกข้างนอก

 

ตอนถ่ายทำฉากต่อสู้เป็นยังไงบ้าง ช่วยอธิบายการตัดสินใจของโอเบรินหน่อยได้ไหม

            มันท้าทายมากครับ เพราะต้องใช้ความสามารถทางกายที่เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน แต่โอเบรินเองก็เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ สองสิ่งนี้เลยผสมกันได้อย่างลงตัว

            ผมได้คุยกับลีน่า เฮดี้ (คนแสดงเซอร์ซี แลนนิสเตอร์) ในกองถ่าย โอเบรินอยากได้ยิน the Mountain สารภาพ แม้สุดท้ายแล้วมันจะจบไม่สวยเท่าไร แต่เขาก็ได้ฟังคำสารภาพในที่สุด การโยนตัวเองไปสู่จุดจบของเขาเป็นความสำเร็จแบบหวานปนขม มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ

 

ในตอนที่แล้ว โอเบรินเขียนจดหมายถึงลูกสาว คุณเคยจินตนาการถึงชีวิตของเขาที่ดอร์นบ้างไหม

          ผมว่าเขาเป็นคนทันสมัย มีการพัฒนา และเป็นพ่อที่ดี ผมว่าก็ดีแล้วที่เขาไม่มีอะไรประเด็นอื่นให้เห็น นอกจากเรื่องลูกสาว เขาไม่ใช่คนหัวโบราณ เพราะฉะนั้นบรรดาลูกสาวของเขาก็เลยไม่ถูกจำกัดด้วยความคิดล้าสมัยของคนยุคก่อน

 

เขาเป็นคนฉลาด

            ผมว่ามันมีความลึกซึ้งในการมองโลกของโอเบรินและวิธีที่เขาใช้ชีวิต ผมว่าโอเบรินมีความเป็นผู้หญิงอยู่มาก ซึ่งส่งผลให้เขามีพลัง

 

ช่วยขยายความส่วนที่พูดว่า "มีความเป็นผู้หญิงอยู่มาก" ให้ฟังหน่อยได้ไหม

          การรับรู้ ความฉลาด ในโลกของ Game of Thrones สามารถสะท้อนความดำมืดในโลกความจริงบางอย่างได้ ผมพยายามจะบอกว่า ผู้หญิงถูกผลักดันให้มีความฉลาดมากขึ้นและเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะทุกอย่างรอบตัวถูกกำหนดโดยผู้ชาย ทักษะการเอาตัวรอดของผู้หญิงเลยทำงานได้ดีกว่า

 

คุณหมายความว่าโอเบรินสนับสนุนสิทธิสตรีเหรอ

            แน่นอน โดยไม่ต้องเลือกที่จะเป็นด้วย มันเป็นความรู้สึกภายในและสอดคล้องกับความคิดของเขา เอลลาเรีย แซนด์เป็นคนรักของเขา เพราะเธอเป็นอีกส่วนหนึ่งของเขา ไม่ใช่อยู่เหนือกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นชายที่น่าเกรงขาม เพราะเขารู้ว่าใครจะช่วยผลักดันให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้

 

คุณอยากให้แฟนๆ จดจำโอเบรินในรูปแบบไหน

            ผมอยากให้ทุกคนจดจำโอเบรินในฐานะนักรักและนักสู้ ในแบบตัวละครที่นำพาความสนุกและสิ่งใหม่ๆ ให้กับคิงส์แลนดิง และมากวนน้ำให้ขุ่น 

 

แฟนๆ คงจะช้ำใจกันน่าดู

            ผมก็เหมือนกัน อย่างที่เคยรู้สึกมาตลอด

 

อยากเห็นการแก้แค้นให้กับความตายของโอเบรินไหม

          แน่นอนที่สุด

 

ถ้าคุณถูกตัดสินคดี ความผิดของคุณคืออะไร

          โอเบรินคงจะทำเรื่องบ้าบิ่นหน่อย เขาคงไปนอนกับภรรยาของกษัตริย์หรือสามีของราชินีมา

 

คุณได้รับเชิญไปงานแต่งงาน GOT คุณจะตกลงหรือปฏเสธ

          ผมตอบตกลงทุกโอกาสที่สามารถไปกับเอลลาเรียได้ เพราะในงานแต่งย่อมมีโอกาสที่จะได้หาความสนุกอย่างว่า

 

เดอะฮาวน์บอกว่าเขาอยากจะไปบราวอสต่อ แล้วคุณอยากเริ่มชีวิตใหม่ของคุณยังไง

            ผมคงอยู่แถวๆ คิงส์แลนดิงเนี่ยแหละ มีซ่องดีๆ ที่มีห้องเห็นวิวทะเลตั้งเยอะแยะ

 

คุณจะตั้งชื่อดาบของคุณว่าอะไร

            Sammy the Sand Snake

Read More

จาก http://www.vulture.com/2014/04/pedro-pascal-oberyn-red-viper-bisexuality-interview.html

            โอเบริน (แสดงโดย เพโดร ปาสคาล) ปรากฏตัวครั้งแรกที่ซ่องของลิตเติ้ลฟิงเกอร์ในภาคล่าสุดของ Game of Thrones แต่ดังที่พวกเรารู้กันจากรอบปฐมทัศน์ของภาคที่ 4 นี้ เขาไม่ได้มาคิงส์แลนดิงเพื่อแสวงหาความสุข เขามาเพื่อแก้แค้นให้แก่ความตายของน้องสาวที่ถูกกระทำอย่างต่ำทรามโดยทหารรับใช้ของตระกูลแลนนิสเตอร์ เกรเกอร์ คลีเกน "นักรบภูผา" ซึ่งเป็นพล็อตสำคัญของซีซั่นนี้

 

โอเบรินเป็นตัวละครโปรดของหลายคนที่อ่านหนังสือ คุณทราบความนิยมของเขามาก่อนที่จะได้รับบทไหม

            ผมไม่เคยอ่านหนังสือแต่เป็นแฟนซีรีย์นี้ และผมก็ไม่ใช่คนที่จะคาดหวังกับปฏิกิริยาของผู้ชมมากเท่าไร ผมมักจะคิดว่า ถ้าทุกคนคาดหวังในตัวละครของผมหรือเขาเป็นคนที่ทุกคนชื่นชอบมากจริงๆ ตอนประกาศชื่อนักแสดง ผู้ชมอาจจะเบือนหน้าหนีหรือหมุนหัวกลับไป 180 องศาเหมือนในหนังเรื่อง The Exorcist เลยก็ได้ (หัวเราะ) บางคนอาจรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะพวกเขาไม่รู้จักผม ผมเลยคาดว่าคงจะมีแบบนั้นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ผมก็พยายามเลี่ยงที่จะคิดแบบนั้น เพราะผมมีงานที่ต้องทำและอยากทำให้ดีที่สุดเพื่อเติมเต็มความคาดหวังของผู้ชมต่อการปรากฏตัวของโอเบริน และมันก็สำคัญมากที่จะทำให้แฟนๆ พึงพอใจนะ คุณรู้หรือเปล่า

 

ในซีรีย์ได้ขยายความเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกกล่าวถึงในนิยายของจอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเรนลีและลอรัส หรือที่เราเห็นกันตอนนี้ คือ ตัวละครของคุณเป็นไบเซ็กชวล

            Red viper สนุกกับชีวิตของเขา เขาไม่เคยแบ่งแยกเรื่องความปรารถนา นี่เป็นวิถีที่เขาเข้าใจชีวิต นั่นก็คือ การใช้ชีวิตให้ถึงที่สุด การจำกัดตัวเองในการเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเขา อะไรที่งดงามก็คืองดงาม และผมชอบที่จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ตินสร้างตัวละครที่มีการพัฒนาและมีความสวยงามแบบนี้ออกมา เขาเป็นทั้งนักรักและนักรบ เขาทำทุกๆ สิ่งอย่างเต็มที่ แล้วทำไมถึงต้องเลือกระหว่างเพศหญิงกับเพศชายด้วยล่ะ คุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร นั่นคือเหตุผลที่ทำไมตัวละครที่จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ตินสร้าง และเดวิดกับแดนแสดงออกมาให้เห็นในหน้าจอโทรทัศน์ถึงได้ออกมางดงามนัก เขาก็แค่เหมือนพวกพังก์ร็อคจัดจ้านเท่านั้นเอง มันไร้สาระที่จะจำกัดความสุขของตัวเอง ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่มันก็เป็นตามนั้นจริงๆ ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะไวน์หรืออาหาร ผู้ชายหรือผู้หญิง หรือแม้แต่การเป็นพ่อคน นักรัก หรือนักรบ ใช้ชีวิตให้ถึงที่สุดเสมอ ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ฉลาดมาก เป็นสิ่งที่เรื่องราวได้ค่อยๆ สื่อผ่านออกมา พวกเขาพยายามที่จะใช้โอกาสในการส่งข้อความเหล่านี้ให้แก่ทุกคน

 

Game of Thrones ทะลายทุกกรอบด้วยฉากเซ็กส์ แต่ดูเหมือนพวกเรากำลังดำเนินไปสู่ฉากใหญ่ยิ่งกว่า ด้วยฉากที่โอเบรินและคนรักของเขากำลังเลือกสรรบรรดาสาวๆ

          นั่นเป็นฉากแรกที่เป็นแบบหมู่เหรอ ไม่สิ เดี๋ยวก่อน จะเป็นไปได้ยังไงกัน!  ไม่ใช่ว่าบรอนน์ก็มีฉากแบบนี้ไปแล้วเหรอ ก็ใช่ เขาเคยควบสองมาก่อน แต่ถ้าคุณพูดถึงเซ็กส์หมู่แบบหลากเพศ งั้นนี่คงเป็นฉากแรกจริงๆ ตอนถ่ายฉากนั้นพวกเราหัวเราะกันตลอด เราทุกคนพยายามสนุกกับมันเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้ามีใครสักคนรู้สึกอึดอัด ความรู้สึกนั้นจะถูกปัดเป่าออกไปด้วยความเร่าร้อนของทุกคน ไม่มีใครตัวคนเดียวในนี้ มันเป็นเรื่องน่ายินดีนะครับ ผมชอบครับ

 

สำหรับฉากนู้ดต่อๆ ไป คุณโชว์หมดเลยหรือเปล่า เพราะมีหลายเสียงที่เรียกร้องให้มีฉากเปลือยของผู้ชายมากขึ้น

            ไม่มีใครบอกให้ผมปกปิดอะไรเลยนะ ผมเต็มที่เลย ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ Game of Thrones ทำให้คุณผิดหวังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเขาให้อาหารสายตากับทุกฝ่าย ผมยืนยันได้เลย

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้นักแสดงหลายคนรู้สึกกดดัน...

            เพราะผมเป็นคนเริ่มให้อาหารสายตาแก่ผู้ชายงั้นเหรอ จริงๆ มันก็กดดันอยู่นะ ไม่รู้สิ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว (หัวเราะ)

 

และตอนนี้คุณก็เป็นที่ต้องการของทั้งผู้ชายและผู้หญิง

          หวังว่าอย่างนั้นนะ ผมว่ามันเป็นเรื่องดี ตอนนี้ผมแค่หวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่โอเบรินควรจะเป็น 

 

แล้วก็มีฉากที่คนรักของคุณพูดว่า "ฉันเป็นลูกนอกสมรส ส่วนเธอเป็นโสเภณี"

          ใช่! เหมือนกับว่า อย่ามาพูดไม่เป็นเรื่องน่า ตัดเข้าเรื่องเลยดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่โอเบรินก็ทำเหมือนกัน เขาไปที่นั่นและไม่ยอมเสียเวลาเปล่า "นี่คือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ นี่คือสิ่งที่ฉันจะทำ และ...ฉันกำลังจะสนุกกับมัน"

 

แม้แต่ที่งานแต่งงานของแลนนิสเตอร์น่ะเหรอ

          แค้นที่ผมจะมาชำระไม่ได้เกี่ยวกับจอฟฟรีย์ เพราะฉะนั้นเขาไม่ใช่ธุระของผม แต่ผมไม่มีทางคบหากับคนแบบนั้นแน่ (หัวเราะ)

Read More