จาก http://www.makinggameofthrones.com/production-diary/2014/6/3/pedro-pascal-explains-the-ecstasy-of-oberyn-martell
คุณรู้ชะตาของโอเบรินตั้งแต่เมื่อไร
ผมทราบตั้งแต่แรกแล้ว มีรายละเอียดอยู่ในบทตัวละครตอนที่ผมออดิชั่น
แต่ผมไม่รู้ว่าว่าเขาตายยังไง จนผมได้พบกับเดวิด เบนิออฟฟ์ (ผู้สร้างซีรีย์)
และแดน ไวส์ ที่เบลฟาสต์ เขาเล่าถึงฉากบดขยี้หัวผมเป็น 3 ขั้นตอน
ตอนแรกเริ่มจากฟัน หลังจากนั้นก็ลูกตา และสุดท้าย คือ หัวแตงโม ความคิดแรกของผม คือ
"หวังว่าจะได้ขึ้นลำดับแรกๆ ของการตายสุดสยองใน Game of Thrones นะ" ซึ่งมันคงจะหมายถึงอะไรสักอย่าง
คุณเห็นฉากที่ถ่ายเสร็จแล้วหรือยัง
ยังครับ แต่ผมเองก็จินตนาการไม่ออก
(การสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นก่อนตอนที่ 8 ฉาย) ผมต้องดูพร้อมๆ กับทุกคน ผมเป็นห่วงครอบครัวผมมาก
เป็นห่วงจริงๆ
มันน่าสยดสยองอย่างที่เป็น แต่มันก็ดูสมจริงมากด้วย เขาได้ทำศีรษะปลอมขึ้นมาหรือเปล่า
เขาสร้างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ช่วงไหล่ขึ้นไปและตกแต่งด้วยหนวดเครา
และเติมสีหน้าเกรี้ยวกราดลงไป
คุณเห็นมันหรือยัง
ครับ!
มีคนเห็นผมยืนจ้องหัวตัวเองในกองถ่าย
พวกเราไม่เคยมีโอกาสได้เห็นตัวเองแบบสามมิติ และมันดูแปลกออกไปมาก
บางทีผมคงหลงตัวเองหน่อยๆ หรือแค่หลงใหลที่ได้เห็นตัวเองแบบ 360 องศา ผมรู้สึกเหมือนกันว่า
"ให้ตายเหอะ ผมหน้าตาเหมือนพ่อมากเลย"
คุณฝึกการใช้หอกนานแค่ไหน
HBO และ Game of Thrones ให้ผมไปฝึกวิชากับผู้เชี่ยวชาญวูซู ศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่ง
จะฝึกกันจริงๆ ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต แต่ผมเรียนแค่ 2-3 สัปดาห์ อาจารย์ฮูจึงสอนผมได้แค่พื้นฐาน
อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการฝึก
ทุกอย่างครับ โดยเฉพาะการใช้หอกที่สูงกว่าผมฟุตหนึ่งได้
มันมีท่าหนึ่งที่หมุนหอกให้เหมือนกับใบพัดเฮลิคอปเตอร์ที่ผมอยากทำให้ได้
ผมเลยไปซื้อราวผ้าม่านจากร้านขายของมาฝึกที่อพาร์ทเมนท์
เพราะผมอายเกินกว่าที่จะไปฝึกข้างนอก
ตอนถ่ายทำฉากต่อสู้เป็นยังไงบ้าง ช่วยอธิบายการตัดสินใจของโอเบรินหน่อยได้ไหม
มันท้าทายมากครับ เพราะต้องใช้ความสามารถทางกายที่เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน
แต่โอเบรินเองก็เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ สองสิ่งนี้เลยผสมกันได้อย่างลงตัว
ผมได้คุยกับลีน่า เฮดี้ (คนแสดงเซอร์ซี แลนนิสเตอร์)
ในกองถ่าย โอเบรินอยากได้ยิน the
Mountain สารภาพ แม้สุดท้ายแล้วมันจะจบไม่สวยเท่าไร
แต่เขาก็ได้ฟังคำสารภาพในที่สุด การโยนตัวเองไปสู่จุดจบของเขาเป็นความสำเร็จแบบหวานปนขม
มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
ในตอนที่แล้ว โอเบรินเขียนจดหมายถึงลูกสาว
คุณเคยจินตนาการถึงชีวิตของเขาที่ดอร์นบ้างไหม
ผมว่าเขาเป็นคนทันสมัย
มีการพัฒนา และเป็นพ่อที่ดี ผมว่าก็ดีแล้วที่เขาไม่มีอะไรประเด็นอื่นให้เห็น นอกจากเรื่องลูกสาว
เขาไม่ใช่คนหัวโบราณ เพราะฉะนั้นบรรดาลูกสาวของเขาก็เลยไม่ถูกจำกัดด้วยความคิดล้าสมัยของคนยุคก่อน
เขาเป็นคนฉลาด
ผมว่ามันมีความลึกซึ้งในการมองโลกของโอเบรินและวิธีที่เขาใช้ชีวิต
ผมว่าโอเบรินมีความเป็นผู้หญิงอยู่มาก ซึ่งส่งผลให้เขามีพลัง
ช่วยขยายความส่วนที่พูดว่า "มีความเป็นผู้หญิงอยู่มาก"
ให้ฟังหน่อยได้ไหม
การรับรู้ ความฉลาด
ในโลกของ Game of Thrones สามารถสะท้อนความดำมืดในโลกความจริงบางอย่างได้ ผมพยายามจะบอกว่า
ผู้หญิงถูกผลักดันให้มีความฉลาดมากขึ้นและเข้าใจตัวเองมากขึ้น
เพราะทุกอย่างรอบตัวถูกกำหนดโดยผู้ชาย ทักษะการเอาตัวรอดของผู้หญิงเลยทำงานได้ดีกว่า
คุณหมายความว่าโอเบรินสนับสนุนสิทธิสตรีเหรอ
แน่นอน โดยไม่ต้องเลือกที่จะเป็นด้วย มันเป็นความรู้สึกภายในและสอดคล้องกับความคิดของเขา
เอลลาเรีย แซนด์เป็นคนรักของเขา เพราะเธอเป็นอีกส่วนหนึ่งของเขา
ไม่ใช่อยู่เหนือกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นชายที่น่าเกรงขาม
เพราะเขารู้ว่าใครจะช่วยผลักดันให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้
คุณอยากให้แฟนๆ จดจำโอเบรินในรูปแบบไหน
ผมอยากให้ทุกคนจดจำโอเบรินในฐานะนักรักและนักสู้
ในแบบตัวละครที่นำพาความสนุกและสิ่งใหม่ๆ ให้กับคิงส์แลนดิง และมากวนน้ำให้ขุ่น
แฟนๆ คงจะช้ำใจกันน่าดู
ผมก็เหมือนกัน อย่างที่เคยรู้สึกมาตลอด
อยากเห็นการแก้แค้นให้กับความตายของโอเบรินไหม
แน่นอนที่สุด
ถ้าคุณถูกตัดสินคดี ความผิดของคุณคืออะไร
โอเบรินคงจะทำเรื่องบ้าบิ่นหน่อย
เขาคงไปนอนกับภรรยาของกษัตริย์หรือสามีของราชินีมา
คุณได้รับเชิญไปงานแต่งงาน GOT คุณจะตกลงหรือปฏเสธ
ผมตอบตกลงทุกโอกาสที่สามารถไปกับเอลลาเรียได้
เพราะในงานแต่งย่อมมีโอกาสที่จะได้หาความสนุกอย่างว่า
เดอะฮาวน์บอกว่าเขาอยากจะไปบราวอสต่อ แล้วคุณอยากเริ่มชีวิตใหม่ของคุณยังไง
ผมคงอยู่แถวๆ คิงส์แลนดิงเนี่ยแหละ มีซ่องดีๆ
ที่มีห้องเห็นวิวทะเลตั้งเยอะแยะ
คุณจะตั้งชื่อดาบของคุณว่าอะไร
Sammy the Sand Snake
Read More
จาก http://www.vulture.com/2014/04/pedro-pascal-oberyn-red-viper-bisexuality-interview.html
โอเบริน (แสดงโดย
เพโดร ปาสคาล) ปรากฏตัวครั้งแรกที่ซ่องของลิตเติ้ลฟิงเกอร์ในภาคล่าสุดของ
Game of Thrones แต่ดังที่พวกเรารู้กันจากรอบปฐมทัศน์ของภาคที่ 4 นี้ เขาไม่ได้มาคิงส์แลนดิงเพื่อแสวงหาความสุข
เขามาเพื่อแก้แค้นให้แก่ความตายของน้องสาวที่ถูกกระทำอย่างต่ำทรามโดยทหารรับใช้ของตระกูลแลนนิสเตอร์
เกรเกอร์ คลีเกน "นักรบภูผา" ซึ่งเป็นพล็อตสำคัญของซีซั่นนี้
โอเบรินเป็นตัวละครโปรดของหลายคนที่อ่านหนังสือ
คุณทราบความนิยมของเขามาก่อนที่จะได้รับบทไหม
ผมไม่เคยอ่านหนังสือแต่เป็นแฟนซีรีย์นี้ และผมก็ไม่ใช่คนที่จะคาดหวังกับปฏิกิริยาของผู้ชมมากเท่าไร
ผมมักจะคิดว่า ถ้าทุกคนคาดหวังในตัวละครของผมหรือเขาเป็นคนที่ทุกคนชื่นชอบมากจริงๆ
ตอนประกาศชื่อนักแสดง ผู้ชมอาจจะเบือนหน้าหนีหรือหมุนหัวกลับไป 180
องศาเหมือนในหนังเรื่อง The Exorcist เลยก็ได้ (หัวเราะ) บางคนอาจรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะพวกเขาไม่รู้จักผม
ผมเลยคาดว่าคงจะมีแบบนั้นอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ผมก็พยายามเลี่ยงที่จะคิดแบบนั้น
เพราะผมมีงานที่ต้องทำและอยากทำให้ดีที่สุดเพื่อเติมเต็มความคาดหวังของผู้ชมต่อการปรากฏตัวของโอเบริน
และมันก็สำคัญมากที่จะทำให้แฟนๆ พึงพอใจนะ คุณรู้หรือเปล่า
ในซีรีย์ได้ขยายความเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
ที่ถูกกล่าวถึงในนิยายของจอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน เช่น
ความสัมพันธ์ระหว่างเรนลีและลอรัส หรือที่เราเห็นกันตอนนี้ คือ ตัวละครของคุณเป็นไบเซ็กชวล
Red viper สนุกกับชีวิตของเขา
เขาไม่เคยแบ่งแยกเรื่องความปรารถนา นี่เป็นวิถีที่เขาเข้าใจชีวิต นั่นก็คือ การใช้ชีวิตให้ถึงที่สุด
การจำกัดตัวเองในการเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเขา อะไรที่งดงามก็คืองดงาม
และผมชอบที่จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ตินสร้างตัวละครที่มีการพัฒนาและมีความสวยงามแบบนี้ออกมา
เขาเป็นทั้งนักรักและนักรบ เขาทำทุกๆ สิ่งอย่างเต็มที่ แล้วทำไมถึงต้องเลือกระหว่างเพศหญิงกับเพศชายด้วยล่ะ
คุณรู้นะว่าผมหมายถึงอะไร นั่นคือเหตุผลที่ทำไมตัวละครที่จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ตินสร้าง
และเดวิดกับแดนแสดงออกมาให้เห็นในหน้าจอโทรทัศน์ถึงได้ออกมางดงามนัก เขาก็แค่เหมือนพวกพังก์ร็อคจัดจ้านเท่านั้นเอง
มันไร้สาระที่จะจำกัดความสุขของตัวเอง ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่มันก็เป็นตามนั้นจริงๆ
ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะไวน์หรืออาหาร ผู้ชายหรือผู้หญิง หรือแม้แต่การเป็นพ่อคน
นักรัก หรือนักรบ ใช้ชีวิตให้ถึงที่สุดเสมอ ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ฉลาดมาก
เป็นสิ่งที่เรื่องราวได้ค่อยๆ สื่อผ่านออกมา พวกเขาพยายามที่จะใช้โอกาสในการส่งข้อความเหล่านี้ให้แก่ทุกคน
Game of Thrones ทะลายทุกกรอบด้วยฉากเซ็กส์
แต่ดูเหมือนพวกเรากำลังดำเนินไปสู่ฉากใหญ่ยิ่งกว่า ด้วยฉากที่โอเบรินและคนรักของเขากำลังเลือกสรรบรรดาสาวๆ
นั่นเป็นฉากแรกที่เป็นแบบหมู่เหรอ
ไม่สิ เดี๋ยวก่อน จะเป็นไปได้ยังไงกัน! ไม่ใช่ว่าบรอนน์ก็มีฉากแบบนี้ไปแล้วเหรอ ก็ใช่
เขาเคยควบสองมาก่อน แต่ถ้าคุณพูดถึงเซ็กส์หมู่แบบหลากเพศ งั้นนี่คงเป็นฉากแรกจริงๆ
ตอนถ่ายฉากนั้นพวกเราหัวเราะกันตลอด เราทุกคนพยายามสนุกกับมันเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้ามีใครสักคนรู้สึกอึดอัด ความรู้สึกนั้นจะถูกปัดเป่าออกไปด้วยความเร่าร้อนของทุกคน ไม่มีใครตัวคนเดียวในนี้ มันเป็นเรื่องน่ายินดีนะครับ ผมชอบครับ
สำหรับฉากนู้ดต่อๆ ไป
คุณโชว์หมดเลยหรือเปล่า เพราะมีหลายเสียงที่เรียกร้องให้มีฉากเปลือยของผู้ชายมากขึ้น
ไม่มีใครบอกให้ผมปกปิดอะไรเลยนะ ผมเต็มที่เลย
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ Game of Thrones ทำให้คุณผิดหวังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเขาให้อาหารสายตากับทุกฝ่าย
ผมยืนยันได้เลย
ซึ่งนั่นก็ทำให้นักแสดงหลายคนรู้สึกกดดัน...
เพราะผมเป็นคนเริ่มให้อาหารสายตาแก่ผู้ชายงั้นเหรอ จริงๆ
มันก็กดดันอยู่นะ ไม่รู้สิ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว
(หัวเราะ)
และตอนนี้คุณก็เป็นที่ต้องการของทั้งผู้ชายและผู้หญิง
หวังว่าอย่างนั้นนะ ผมว่ามันเป็นเรื่องดี
ตอนนี้ผมแค่หวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่โอเบรินควรจะเป็น
แล้วก็มีฉากที่คนรักของคุณพูดว่า
"ฉันเป็นลูกนอกสมรส ส่วนเธอเป็นโสเภณี"
ใช่! เหมือนกับว่า
อย่ามาพูดไม่เป็นเรื่องน่า ตัดเข้าเรื่องเลยดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่โอเบรินก็ทำเหมือนกัน
เขาไปที่นั่นและไม่ยอมเสียเวลาเปล่า "นี่คือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่
นี่คือสิ่งที่ฉันจะทำ และ...ฉันกำลังจะสนุกกับมัน"
แม้แต่ที่งานแต่งงานของแลนนิสเตอร์น่ะเหรอ
แค้นที่ผมจะมาชำระไม่ได้เกี่ยวกับจอฟฟรีย์
เพราะฉะนั้นเขาไม่ใช่ธุระของผม แต่ผมไม่มีทางคบหากับคนแบบนั้นแน่ (หัวเราะ)
Read More