
รู้สึกเหมือนได้แปลบทสัมภาษณ์ริบุซังปีละครั้งเลย 55
คราวนี้กลับมาพร้อมกับวันแมนไลฟ์และอัลบั้มใหม่ที่จะวางแผงวันที่ 4.02.2015 นี้นะคะ
ใครสนใจก็เข้าไปดูรายละเอียดกันได้ที่นี่เลยค่า
- เมื่อไม่กี่วันมานี้ วันแมนไลฟ์ครั้งแรก 「Rib-on"e"」ก็ปิดฉากลงไปเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
ตอนนี้รู้สึกโล่งอกครับ เรื่องการวางแผน ถึงแม้จะได้จิมุอินGซังมาเป็นตัวหลักช่วยแนะนำเรื่องต่างๆ ทุกครั้งที่นัดเจอกันก็มีแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง ได้ออกไอเดียบ้าง แต่เรื่องพวกนี้ผมก็เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก เลยคิดว่านี่เป็นประสบการณ์ที่มีค่าต่อผมมากเลยนะ
- คิดหนักไหมกับ set list
กังวลจนเกือบจะถึงวันไลฟ์เลยครับ จริงๆ ก่อนวันแสดง 1 สัปดาห์ ยังเพิ่งเพลงใหม่ไปอีก 1 เพลงด้วย จนวินาทีสุดท้ายแล้วยังไงๆ ก็อยากได้เพลงนี้นะ ผมเลยบอกไปว่าอยากได้เพิ่มอีกเพลง นักดนตรีก็เลยเสนอให้เล่นเพลง Yobanashi Deceive ทั้งประชุม ทั้งวางแผน ก็ตัดสินใจกันตอนนั้นเลย เรียกได้ว่าที่ทำได้แบบนี้เพราะความสามารถของทุกคนในวงจริงๆ ครับ
- เพลงแรกเป็น Envy Cat Walk ด้วย สำหรับแฟนๆ ริบุซังแล้ว เป็นเพลงที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเลือกได้ถูกแล้ว
ที่คิดว่าเพลงแรกน่าจะเป็น Envy ตัดสินใจไว้ตั้งแต่วางแผนจะจัดไลฟ์แล้วครับ จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มเติมรายละเอียดมาเรื่อยๆ สำหรับผมแล้วเพลงที่เป็นจุดเปลี่ยน ถึงจะมีหลายเพลง แต่ในจำนวนนั้น เพลงนี้เป็นเพลงที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับผม ทำให้หลายๆ คนรู้จักตัวผม ได้มีโอกาสแสดงไลฟ์ในที่ใหญ่โตแบบนี้ ยังไงก็เพราะ Envy นี่แหละครับ เพราะแบบนั้นเลยคิดว่า ถ้าได้ร้องเป็นเพลงแรกคงจะดีเลยเลือกมาครับ
- นึกถึงครั้งก่อนตอนร้อง Envy ที่ Zepp Namba ได้ยินมาว่าริบุซังลื่นล้มตั้งแต่ต้นเพลงเลย (หัวเราะ)
ใช่ครับ (หัวเราะ) ครั้งนี้ตรงกลางเวทีมีบันไดด้วย ตอนเปิดตัวต้องขึ้นไปยืนบนนั้น ร้อง "เอ้า!" แล้วเดินลงบันไดมา ฝันร้ายตอนนั้นย้อนกลับมาเลยครับ ก่อนแสดงจริงรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เลย (หัวเราะ)
- ได้เห็นการร่วมงามกันอันน่าประทับใจของริบุซังกับโวคาลอยด์ P ที่สนิทด้วย!
ตั้งแต่ที่เริ่มคิดว่าจะทำวันแมนไลฟ์ ความคิดที่อยากให้มีโวคาลอยด์ P มาร่วมด้วยก็ลอยขึ้นมาเป็นอันดับแรกเลยครับ เพราะผมเคยได้ร่วมแสดงกับโวคาลอยด์ P ที่ ETA แล้วมันออกมาดีมาก ผมเลยคิดว่าถ้าได้แสดงให้ทุกคนเห็นในวันแมนด้วยก็คงจะดีนะ ครั้งนี้คนที่มาร่วมงานด้วยก็เป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือผมมาตลอด ทั้งมิกิโตะซังที่เคยแสดงใน ETA ด้วยกัน 40mP ที่สร้างผลงานไว้ในนิจิอิโระออเคสตร้า และนิชิซาวะซังที่ไม่เคยออกโชว์ตัวในไลฟ์ไหนมาก่อนเลย ตอนแรกเขาก็ลังเลอยู่ แต่ผมก็ตื้อจนไม่รู้ไปยังไงมายังไงมายืนบนเวทีด้วยกันได้
- ผลงานร่วมกับนิชิซาวะซังมีคุณค่าทางความรู้สึกมากใช่ไหม
คิดถึงจริงๆ ครับ รู้จักกันมาเกือบ 4 ปี ถึงจะเคยไปช่วยงานที่บูธ Vomas แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นนิชิซาวะซังเล่นกีตาร์ใกล้ๆ แบบนี้ ตั้งแต่ตอนซ้อมก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วครับ แต่ผมไม่มีทางไปพูดเรื่องแบบนั้นกับเจ้าตัวเด็ดขาด (หัวเราะ) ตอนแสดงก็ยอดเยี่ยมมากครับ เลยคิดว่าเป็นคนที่สุดยอดมากๆ เลยครับ ไม่คิดว่าจะพยายามทำให้ผมขนาดนี้ ดีใจมากๆ ครับ
- หลังอังกอร์ อิโตคาชิทาโร่ซังก็ออกมาแสดงด้วย
ตอนที่คิดว่าอยากร้อง Kami no manimani เป็นเพลงสุดท้ายกับคาชิทาโร่ซัง ก็เหมือนกับตอนที่คิดว่าอยากร้อง Envy เป็นเพลงแรกนั่นแหละครับ ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว พอได้ทำจริงก็รู้สึกดีมากๆ แต่ตอนแสดงจริงมีเหตุการณ์ที่ไม่ได้คุยกันไว้ก่อนเลยรู้สึก "เอ๊ะ!?" อยู่เหมือนกันครับ (หัวเราะ)
- จะว่าไปตอนวันแสดง ก่อนจะได้เข้าไปในสถานที่จริง มีการเตรียมตัวยังไงบ้าง
วันจริงต้องตื่นเช้าไปทำผมที่ซาลอน ไปถึงประมาณ 8.30 น. ช่างทำผมก็ไดร์ผมให้ จัดทรงให้ แล้วก็เดินทางไปสถานที่แบบนั้นเลย อาหารกลางวันเป็น Taco Rice ที่จัดไว้ ส่วนอาหารเช้าผมกินอะไรไปแล้วนะ!? ปกติจะกินซีเรียลกับโยเกิร์ต แต่โยเกิร์ตหรือพวกผลิตภัณฑ์จากนมมักจะไปเคลือบอยู่ตรงคอเลยไม่ค่อยดีเท่าไร คงจะกินพวกขนมปังอะไรพวกนั้นไปนะครับ(หัวเราะ)
- ระหว่างที่ดื่มด่ำกับความทรงจำจากไลฟ์ ก็เริ่มทำอัลบั้มใหม่ 「singing Rib」อย่างต่อเนื่อง เหตุผลที่เลือกใช้ชื่ออัลบั้มนี้คืออะไร
ตรง singing มาจากชื่อบัญชีทวิตเตอร์กับอีเมล์ของผมที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มครับ ตอนที่คิดว่าจะใช้ชื่ออัลบั้มว่าอะไรดี ยังไงแล้วสิ่งที่จะสื่อออกไปได้มากที่สุดก็ต้องแทนตัวผมที่ร้องเพลงอยู่นี่ แหละครับ สำหรับคำที่เรียบง่ายและแทนความหมายได้ก็น่าจะเป็น singing เลยเอาไปเป็นชื่ออัลบั้มทั้งแบบนั้นเลยครับ
- อธิบายคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ให้ฟังหน่อย
จาก Rib on มาถึง Riboot ผมคิดว่าถ้าสามารถสะสมจนครบ "Rib ซีรีส์" ได้ก็คงจะดี แล้วทุกๆอัลบั้มก็จะมีประโยคประจำ อย่างเช่น "Rib on Music!" หรือ "Music to Riboot!" อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังหมายถึงตัวผมที่ร้องเพลงอยู่ในตอนนี้และจะร้องต่อไปเรื่อยๆ เลยอยากให้มันออกมามีความรู้สึกอบอุ่นและแสดงถึงตัวตนของผมได้ เป็นที่มาของการตั้งชื่ออัลบั้มว่า 「singing Rib」ครับ
อัลบั้ม Riboot ออกแบบปกแนวไซเบอร์ เพลงในอัลบั้มก็ผสมผสานเสียงจักรกลเข้าไปด้วย ส่วนคราวนี้คอนเซ็ปต์เป็น "singing" แน่นอนว่าดนตรีก็ต่างออกไป "วิธีเปล่งเสียง" ก็จะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเพลง ผมคิดว่าความไม่แน่นอนเหล่านี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของมนุษย์ ผมตั้งใจที่จะสื่อออกมาจากชื่ออัลบั้มอยู่แล้ว เพลงที่เลือกก็จะเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เช่น เพลงที่ใช้กีตาร์โปร่งเล่น หรือเพลงที่เคยทุ่มเททำเสียงกลองไว้ก็จะเอามาเล่นเป็นเสียงกลองจริง ด้วยสาเหตุนั้น ผมคิดว่าเพลง 2 เพลงที่ทำออกมาจะแตกต่างกันมากครับ
- จากรายชื่อนักแต่งเพลงเจ๋งๆ ที่เห็น ครั้งนี้ก็จะมีเพลงแต่งใหม่ด้วยเหรอ
คราวนี้เป็น Ooishi Masayoshi ซัง นักร้องนำและกีตาร์วง Sound Schedule ครับ เหมือนๆ กันกับตอนอัลบั้ม Riboot ที่ผมไปขอฟุมิโดซังกับ BUMP OF CHICKEN มา ผมฟังเพลงวง Sound Schedule มาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว โออิชิซังเองก็ดูเหมือนจะเข้า nico nico douga อยู่บ่อยๆ และดูเหมือนจะรู้ว่ามีอุไทเทะชื่อริบุมาก่อนแล้ว พอผมไปขอให้โออิชิซังมาช่วยทำเพลงให้ก็ตอบตกลงมา! ถึงจะยังอยู่ในขั้นเดโม่อยู่ แต่จะเป็นเพลงที่ออกแนวฟังกี้แบบ Kimi Ja Nakya Dame Mitai หรือใส่พวกเครื่องเป่าเข้าไปบ้าง เป็นเพลงแนวสนุกๆ ครับ
- ในเดโม่ก็มีเสียงโออิชิซังด้วยใช่ไหม
ใช่ครับ! เสียงที่ผมเคยฟังตอนเรียนม.ปลายกำลังร้องเดโม่เพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อผมโดย เฉพาะ มันเหมือนกับผมร้องในฐานะที่เป็นเพลงของโออิชิซังเลยไม่ใช่เหรอ โออิชิซังร้องเพลงเก่งมากๆ ผมก็ต้องพยายามให้เต็มที่เหมือนกัน แต่ในความพยายามนั้น ผมคิดว่าถ้าได้แสดงอะไรดีๆ เฉพาะตัวออกมาให้ทุกคนได้ฟังแม้เพียงสักเล็กน้อยก็คงจะดีนะครับ
- โอคิอิ เรจิซังก็เป็นศิลปินที่เล็งไว้ด้วยเหรอ
โอคิอิซังเป็นมือเบสและนักแต่งเพลงให้วง Cymbals ครับ ตอนสมัยม.ปลายเองก็ได้ฟังเพลงของวงนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าพูดถึง Cymbals แล้ว ก็จะนึกถึงแนวเพลงชิบุย่า คลาสสิกๆ ครั้งนี้ผมเองก็ตั้งตารอคอยและจะพยายามร้องออกมาให้มีสไตล์ไม่แพ้นักร้องนำ โทคิ อาสาโกะซังเลยครับ (หัวเราะ)
- ครั้งนี้ได้ยินมาว่า buzzG ซังก็แต่งเพลงใหม่ให้ด้วย ทางนี้ก็ตั้งตารออยู่เหมือนกัน!
เป็นครั้งแรกที่ buzzG ซังแต่งเพลงให้ครับ ตอนออกอัลบั้ม Riboot ผมก็ได้ร้องเพลง Shiwa ของ buzzG ซัง ตอนบันทึกเสียง buzzG ซังก็อุตส่าห์สละเวลามาช่วยชี้แนะด้วย ตอนนั้นได้คุยกันว่า "ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกก็คงจะดีนะครับ" ครั้งนี้ก็เลยกลายเป็นความจริงขึ้นมา หลังจากอัลบั้ม Riboot วางขายแล้ว ได้มีโอกาสไปกินข้าวกับ buzzG ซัง มิกิโตะซัง และคนอื่นๆ ประมาณ 5 คนที่ไปคาราโอเกะกัน ได้ดื่มไปด้วย พูดคุยไปด้วย ทำให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ตอนนั้นเลยครับ (หัวเราะ)

- เพลงใหม่ที่แต่งขึ้นคราวนี้เป็นแบบไหน
เป็นเพลงที่ออกจะเศร้าๆ และมีเมโลดี้เพราะๆ ครับ เสียงกีตาร์ของ buzzG ซังจะหนักแน่นและมีเอกลักษณ์ทำให้สื่อออกมาได้อารมณ์มาก
- ตามติดมาจากอัลบั้มแรกและอัลบั้มที่สอง ครั้งนี้นิชิซาวะซังก็มาแต่งเพลงใหม่ให้ด้วยเหมือนกัน
นิชิซาวะซังเป็นคนที่ไว้ใจได้เลยเรื่องการแต่งเพลง เขาเป็นโวคาลอยด์P ประเภทที่จะพิจารณาถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอุไทเทะคนนั้นๆ หรือการใช้ชีวิตของแต่ละคน และแต่งเพลงออกมาให้เข้ากันได้ ผมเองก็รู้จักกับนิชิซาวะซังมานานแล้ว ตอนที่ได้เดโม่หรือเนื้อเพลงมาก็มีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่บ่อยๆ "นิชิซาวะซังมองผมแบบนี้เองเหรอ" ไม่ก็ "อา..ผมก็เคยคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ" มีเรื่องแบบนี้ให้ผมตกใจทุกครั้งเลยครับ
- เพลง Sentimental Reverse ครั้งนี้ เป็นธีมเรื่องราวแบบไหนเหรอ
เพลงที่เคยฟังสมัยก่อน ถึงจะไม่ได้ฟังอีก แต่เมื่อกลับมาฟังอีกที ไม่ว่าจะ 5 ปี หรือ 10 ปีถัดจากนั้น ก็นึกถึงช่วงเวลานั้นออกมาได้เลยใช่ไหมละครับ อย่างผม สมัยม.ปลายชอบ BUMP OF CHICKEN เลยฟังบ่อยมาก แต่พอขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วโอกาสได้ฟังก็น้อยลง แต่ช่วงนี้พอได้ยินได้เห็นอยู่ตามโทรทัศน์ ก็รู้สึกว่ายังไงๆ BUMP ก็ดีจริงๆ นะ นานๆ ครั้งก็หยิบอัลบั้มเก่าๆ มาฟังบ้าง เหมือนได้ฟังเรื่องราวของตัวเองตอนอยู่ม.ปลายขึ้นมาเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าดนตรีก็มีพลังแบบนั้นอยู่ด้วยเหมือนกันนะ ผมเคยทวีตเรื่องนี้ออกไปอยู่เหมือนกัน นิชิซาวะซังเห็นทวีตนั้นเลยเอาไปทำออกมาเป็นเพลง Sentimental Reverse เท่าที่เคยร่วมงานกันมา เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงช้าที่สุด แนวบัลลาดนิดๆ อารมณ์ love & peace เป็นเพลงที่ฟังแล้วอุ่นใจ ผมชอบมากเลยครับ
- เล่มนี้คนที่รับผิดชอบวาดหน้าปกให้เป็น Kuwahara Shouta ซัง แต่ก่อนเคยทำงานร่วมกันมาแล้วใช่ไหม
เดิมอามัทสึกิคุงกับคาชิทาโร่ซังสนิทกับอาจารย์คุวาฮาระอยู่แล้ว ผมเลยได้รู้จักไปด้วย ก่อนหน้าวันเกิดผมประมาณ 1 สัปดาห์ คาชิทาโร่ซังอยู่ดีๆ ก็โผล่มาจากสถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ ถ่ายรูปผมแล้วก็กลับไป ก็คิดอยู่ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ จากนั้นคาชิทาโร่ซังก็เอารูปนั้นไปให้อาจารย์คุวาฮาระวาดเพื่อเป็นของขวัญ เซอร์ไพรส์วันเกิดผม! แล้วอาจารย์ก็เคยวาดภาพสวยๆ มาแสดงความยินดีกับอัลบั้ม Riboot ให้ผมในทวิตเตอร์ด้วยครับ เป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ
- มีตัวเลือกให้เลือกตั้งหลายรูปแต่ริบุซังก็เลือกรูปนี้มาลงนิตยสาร เหตุผลที่เลือกรูปนี้คืออะไร
เหตุผลง่ายๆ เลย มันเป็น first impression น่ะครับ เห็นแล้วคิดว่าเป็นรูปที่สวยดี แถมเป็นรูปเสื้อผ้าที่ผมใส่ตอนขึ้นแสดงบน Rib on"e" ด้วย ถ้าทำให้ทั้งคนที่มาและไม่ได้มาไลฟ์ได้สัมผัสถึงบรรยากาศไปด้วยกันได้ ผมก็คงจะดีใจมากครับ สำหรับคนที่มาไลฟ์คงจะพอรู้จักหน้าตาผมแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังวาดออกมาได้น่ารักแบบนี้(หัวเราะ) อาจารย์คุวาฮาระ ขอบคุณมากครับ!!
ตอนนี้รู้สึกโล่งอกครับ เรื่องการวางแผน ถึงแม้จะได้จิมุอินGซังมาเป็นตัวหลักช่วยแนะนำเรื่องต่างๆ ทุกครั้งที่นัดเจอกันก็มีแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง ได้ออกไอเดียบ้าง แต่เรื่องพวกนี้ผมก็เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก เลยคิดว่านี่เป็นประสบการณ์ที่มีค่าต่อผมมากเลยนะ
- คิดหนักไหมกับ set list
กังวลจนเกือบจะถึงวันไลฟ์เลยครับ จริงๆ ก่อนวันแสดง 1 สัปดาห์ ยังเพิ่งเพลงใหม่ไปอีก 1 เพลงด้วย จนวินาทีสุดท้ายแล้วยังไงๆ ก็อยากได้เพลงนี้นะ ผมเลยบอกไปว่าอยากได้เพิ่มอีกเพลง นักดนตรีก็เลยเสนอให้เล่นเพลง Yobanashi Deceive ทั้งประชุม ทั้งวางแผน ก็ตัดสินใจกันตอนนั้นเลย เรียกได้ว่าที่ทำได้แบบนี้เพราะความสามารถของทุกคนในวงจริงๆ ครับ
- เพลงแรกเป็น Envy Cat Walk ด้วย สำหรับแฟนๆ ริบุซังแล้ว เป็นเพลงที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเลือกได้ถูกแล้ว
ที่คิดว่าเพลงแรกน่าจะเป็น Envy ตัดสินใจไว้ตั้งแต่วางแผนจะจัดไลฟ์แล้วครับ จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มเติมรายละเอียดมาเรื่อยๆ สำหรับผมแล้วเพลงที่เป็นจุดเปลี่ยน ถึงจะมีหลายเพลง แต่ในจำนวนนั้น เพลงนี้เป็นเพลงที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับผม ทำให้หลายๆ คนรู้จักตัวผม ได้มีโอกาสแสดงไลฟ์ในที่ใหญ่โตแบบนี้ ยังไงก็เพราะ Envy นี่แหละครับ เพราะแบบนั้นเลยคิดว่า ถ้าได้ร้องเป็นเพลงแรกคงจะดีเลยเลือกมาครับ
- นึกถึงครั้งก่อนตอนร้อง Envy ที่ Zepp Namba ได้ยินมาว่าริบุซังลื่นล้มตั้งแต่ต้นเพลงเลย (หัวเราะ)
ใช่ครับ (หัวเราะ) ครั้งนี้ตรงกลางเวทีมีบันไดด้วย ตอนเปิดตัวต้องขึ้นไปยืนบนนั้น ร้อง "เอ้า!" แล้วเดินลงบันไดมา ฝันร้ายตอนนั้นย้อนกลับมาเลยครับ ก่อนแสดงจริงรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เลย (หัวเราะ)
- ได้เห็นการร่วมงามกันอันน่าประทับใจของริบุซังกับโวคาลอยด์ P ที่สนิทด้วย!
ตั้งแต่ที่เริ่มคิดว่าจะทำวันแมนไลฟ์ ความคิดที่อยากให้มีโวคาลอยด์ P มาร่วมด้วยก็ลอยขึ้นมาเป็นอันดับแรกเลยครับ เพราะผมเคยได้ร่วมแสดงกับโวคาลอยด์ P ที่ ETA แล้วมันออกมาดีมาก ผมเลยคิดว่าถ้าได้แสดงให้ทุกคนเห็นในวันแมนด้วยก็คงจะดีนะ ครั้งนี้คนที่มาร่วมงานด้วยก็เป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือผมมาตลอด ทั้งมิกิโตะซังที่เคยแสดงใน ETA ด้วยกัน 40mP ที่สร้างผลงานไว้ในนิจิอิโระออเคสตร้า และนิชิซาวะซังที่ไม่เคยออกโชว์ตัวในไลฟ์ไหนมาก่อนเลย ตอนแรกเขาก็ลังเลอยู่ แต่ผมก็ตื้อจนไม่รู้ไปยังไงมายังไงมายืนบนเวทีด้วยกันได้
- ผลงานร่วมกับนิชิซาวะซังมีคุณค่าทางความรู้สึกมากใช่ไหม
คิดถึงจริงๆ ครับ รู้จักกันมาเกือบ 4 ปี ถึงจะเคยไปช่วยงานที่บูธ Vomas แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นนิชิซาวะซังเล่นกีตาร์ใกล้ๆ แบบนี้ ตั้งแต่ตอนซ้อมก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วครับ แต่ผมไม่มีทางไปพูดเรื่องแบบนั้นกับเจ้าตัวเด็ดขาด (หัวเราะ) ตอนแสดงก็ยอดเยี่ยมมากครับ เลยคิดว่าเป็นคนที่สุดยอดมากๆ เลยครับ ไม่คิดว่าจะพยายามทำให้ผมขนาดนี้ ดีใจมากๆ ครับ
- หลังอังกอร์ อิโตคาชิทาโร่ซังก็ออกมาแสดงด้วย
ตอนที่คิดว่าอยากร้อง Kami no manimani เป็นเพลงสุดท้ายกับคาชิทาโร่ซัง ก็เหมือนกับตอนที่คิดว่าอยากร้อง Envy เป็นเพลงแรกนั่นแหละครับ ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว พอได้ทำจริงก็รู้สึกดีมากๆ แต่ตอนแสดงจริงมีเหตุการณ์ที่ไม่ได้คุยกันไว้ก่อนเลยรู้สึก "เอ๊ะ!?" อยู่เหมือนกันครับ (หัวเราะ)

- จะว่าไปตอนวันแสดง ก่อนจะได้เข้าไปในสถานที่จริง มีการเตรียมตัวยังไงบ้าง
วันจริงต้องตื่นเช้าไปทำผมที่ซาลอน ไปถึงประมาณ 8.30 น. ช่างทำผมก็ไดร์ผมให้ จัดทรงให้ แล้วก็เดินทางไปสถานที่แบบนั้นเลย อาหารกลางวันเป็น Taco Rice ที่จัดไว้ ส่วนอาหารเช้าผมกินอะไรไปแล้วนะ!? ปกติจะกินซีเรียลกับโยเกิร์ต แต่โยเกิร์ตหรือพวกผลิตภัณฑ์จากนมมักจะไปเคลือบอยู่ตรงคอเลยไม่ค่อยดีเท่าไร คงจะกินพวกขนมปังอะไรพวกนั้นไปนะครับ(หัวเราะ)
- หลังไลฟ์จบแล้วไปฉลองกันเป็นยังไงบ้าง
แน่นอนว่าผมได้คุยกับเกสต์หลายๆ คนอยู่แล้ว แต่พวกเกสต์เองก็ด้วย
อย่างนิชิซาวะซังเพิ่งเคยเจอจิมูอินGซังเป็นครั้งแรกก็คุยกันถูกคอเลย
ผมมองดูแล้วก็รู้สึกดีใจเหมือนกันนะ แต่ผมมีบันทึกเสียงวันรุ่งขึ้น
เลยดื่มเหล้าไปแก้วเดียว เพลาๆ ลงหน่อยน่ะครับ (หัวเราะ) - ระหว่างที่ดื่มด่ำกับความทรงจำจากไลฟ์ ก็เริ่มทำอัลบั้มใหม่ 「singing Rib」อย่างต่อเนื่อง เหตุผลที่เลือกใช้ชื่ออัลบั้มนี้คืออะไร
ตรง singing มาจากชื่อบัญชีทวิตเตอร์กับอีเมล์ของผมที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มครับ ตอนที่คิดว่าจะใช้ชื่ออัลบั้มว่าอะไรดี ยังไงแล้วสิ่งที่จะสื่อออกไปได้มากที่สุดก็ต้องแทนตัวผมที่ร้องเพลงอยู่นี่ แหละครับ สำหรับคำที่เรียบง่ายและแทนความหมายได้ก็น่าจะเป็น singing เลยเอาไปเป็นชื่ออัลบั้มทั้งแบบนั้นเลยครับ
- อธิบายคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ให้ฟังหน่อย
จาก Rib on มาถึง Riboot ผมคิดว่าถ้าสามารถสะสมจนครบ "Rib ซีรีส์" ได้ก็คงจะดี แล้วทุกๆอัลบั้มก็จะมีประโยคประจำ อย่างเช่น "Rib on Music!" หรือ "Music to Riboot!" อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังหมายถึงตัวผมที่ร้องเพลงอยู่ในตอนนี้และจะร้องต่อไปเรื่อยๆ เลยอยากให้มันออกมามีความรู้สึกอบอุ่นและแสดงถึงตัวตนของผมได้ เป็นที่มาของการตั้งชื่ออัลบั้มว่า 「singing Rib」ครับ
อัลบั้ม Riboot ออกแบบปกแนวไซเบอร์ เพลงในอัลบั้มก็ผสมผสานเสียงจักรกลเข้าไปด้วย ส่วนคราวนี้คอนเซ็ปต์เป็น "singing" แน่นอนว่าดนตรีก็ต่างออกไป "วิธีเปล่งเสียง" ก็จะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเพลง ผมคิดว่าความไม่แน่นอนเหล่านี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของมนุษย์ ผมตั้งใจที่จะสื่อออกมาจากชื่ออัลบั้มอยู่แล้ว เพลงที่เลือกก็จะเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เช่น เพลงที่ใช้กีตาร์โปร่งเล่น หรือเพลงที่เคยทุ่มเททำเสียงกลองไว้ก็จะเอามาเล่นเป็นเสียงกลองจริง ด้วยสาเหตุนั้น ผมคิดว่าเพลง 2 เพลงที่ทำออกมาจะแตกต่างกันมากครับ
- จากรายชื่อนักแต่งเพลงเจ๋งๆ ที่เห็น ครั้งนี้ก็จะมีเพลงแต่งใหม่ด้วยเหรอ
คราวนี้เป็น Ooishi Masayoshi ซัง นักร้องนำและกีตาร์วง Sound Schedule ครับ เหมือนๆ กันกับตอนอัลบั้ม Riboot ที่ผมไปขอฟุมิโดซังกับ BUMP OF CHICKEN มา ผมฟังเพลงวง Sound Schedule มาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว โออิชิซังเองก็ดูเหมือนจะเข้า nico nico douga อยู่บ่อยๆ และดูเหมือนจะรู้ว่ามีอุไทเทะชื่อริบุมาก่อนแล้ว พอผมไปขอให้โออิชิซังมาช่วยทำเพลงให้ก็ตอบตกลงมา! ถึงจะยังอยู่ในขั้นเดโม่อยู่ แต่จะเป็นเพลงที่ออกแนวฟังกี้แบบ Kimi Ja Nakya Dame Mitai หรือใส่พวกเครื่องเป่าเข้าไปบ้าง เป็นเพลงแนวสนุกๆ ครับ
- ในเดโม่ก็มีเสียงโออิชิซังด้วยใช่ไหม
ใช่ครับ! เสียงที่ผมเคยฟังตอนเรียนม.ปลายกำลังร้องเดโม่เพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อผมโดย เฉพาะ มันเหมือนกับผมร้องในฐานะที่เป็นเพลงของโออิชิซังเลยไม่ใช่เหรอ โออิชิซังร้องเพลงเก่งมากๆ ผมก็ต้องพยายามให้เต็มที่เหมือนกัน แต่ในความพยายามนั้น ผมคิดว่าถ้าได้แสดงอะไรดีๆ เฉพาะตัวออกมาให้ทุกคนได้ฟังแม้เพียงสักเล็กน้อยก็คงจะดีนะครับ
- โอคิอิ เรจิซังก็เป็นศิลปินที่เล็งไว้ด้วยเหรอ
โอคิอิซังเป็นมือเบสและนักแต่งเพลงให้วง Cymbals ครับ ตอนสมัยม.ปลายเองก็ได้ฟังเพลงของวงนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าพูดถึง Cymbals แล้ว ก็จะนึกถึงแนวเพลงชิบุย่า คลาสสิกๆ ครั้งนี้ผมเองก็ตั้งตารอคอยและจะพยายามร้องออกมาให้มีสไตล์ไม่แพ้นักร้องนำ โทคิ อาสาโกะซังเลยครับ (หัวเราะ)
- ครั้งนี้ได้ยินมาว่า buzzG ซังก็แต่งเพลงใหม่ให้ด้วย ทางนี้ก็ตั้งตารออยู่เหมือนกัน!
เป็นครั้งแรกที่ buzzG ซังแต่งเพลงให้ครับ ตอนออกอัลบั้ม Riboot ผมก็ได้ร้องเพลง Shiwa ของ buzzG ซัง ตอนบันทึกเสียง buzzG ซังก็อุตส่าห์สละเวลามาช่วยชี้แนะด้วย ตอนนั้นได้คุยกันว่า "ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกก็คงจะดีนะครับ" ครั้งนี้ก็เลยกลายเป็นความจริงขึ้นมา หลังจากอัลบั้ม Riboot วางขายแล้ว ได้มีโอกาสไปกินข้าวกับ buzzG ซัง มิกิโตะซัง และคนอื่นๆ ประมาณ 5 คนที่ไปคาราโอเกะกัน ได้ดื่มไปด้วย พูดคุยไปด้วย ทำให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ตอนนั้นเลยครับ (หัวเราะ)

- เพลงใหม่ที่แต่งขึ้นคราวนี้เป็นแบบไหน
เป็นเพลงที่ออกจะเศร้าๆ และมีเมโลดี้เพราะๆ ครับ เสียงกีตาร์ของ buzzG ซังจะหนักแน่นและมีเอกลักษณ์ทำให้สื่อออกมาได้อารมณ์มาก
- ตามติดมาจากอัลบั้มแรกและอัลบั้มที่สอง ครั้งนี้นิชิซาวะซังก็มาแต่งเพลงใหม่ให้ด้วยเหมือนกัน
นิชิซาวะซังเป็นคนที่ไว้ใจได้เลยเรื่องการแต่งเพลง เขาเป็นโวคาลอยด์P ประเภทที่จะพิจารณาถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอุไทเทะคนนั้นๆ หรือการใช้ชีวิตของแต่ละคน และแต่งเพลงออกมาให้เข้ากันได้ ผมเองก็รู้จักกับนิชิซาวะซังมานานแล้ว ตอนที่ได้เดโม่หรือเนื้อเพลงมาก็มีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่บ่อยๆ "นิชิซาวะซังมองผมแบบนี้เองเหรอ" ไม่ก็ "อา..ผมก็เคยคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ" มีเรื่องแบบนี้ให้ผมตกใจทุกครั้งเลยครับ
- เพลง Sentimental Reverse ครั้งนี้ เป็นธีมเรื่องราวแบบไหนเหรอ
เพลงที่เคยฟังสมัยก่อน ถึงจะไม่ได้ฟังอีก แต่เมื่อกลับมาฟังอีกที ไม่ว่าจะ 5 ปี หรือ 10 ปีถัดจากนั้น ก็นึกถึงช่วงเวลานั้นออกมาได้เลยใช่ไหมละครับ อย่างผม สมัยม.ปลายชอบ BUMP OF CHICKEN เลยฟังบ่อยมาก แต่พอขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วโอกาสได้ฟังก็น้อยลง แต่ช่วงนี้พอได้ยินได้เห็นอยู่ตามโทรทัศน์ ก็รู้สึกว่ายังไงๆ BUMP ก็ดีจริงๆ นะ นานๆ ครั้งก็หยิบอัลบั้มเก่าๆ มาฟังบ้าง เหมือนได้ฟังเรื่องราวของตัวเองตอนอยู่ม.ปลายขึ้นมาเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าดนตรีก็มีพลังแบบนั้นอยู่ด้วยเหมือนกันนะ ผมเคยทวีตเรื่องนี้ออกไปอยู่เหมือนกัน นิชิซาวะซังเห็นทวีตนั้นเลยเอาไปทำออกมาเป็นเพลง Sentimental Reverse เท่าที่เคยร่วมงานกันมา เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงช้าที่สุด แนวบัลลาดนิดๆ อารมณ์ love & peace เป็นเพลงที่ฟังแล้วอุ่นใจ ผมชอบมากเลยครับ
- เล่มนี้คนที่รับผิดชอบวาดหน้าปกให้เป็น Kuwahara Shouta ซัง แต่ก่อนเคยทำงานร่วมกันมาแล้วใช่ไหม
เดิมอามัทสึกิคุงกับคาชิทาโร่ซังสนิทกับอาจารย์คุวาฮาระอยู่แล้ว ผมเลยได้รู้จักไปด้วย ก่อนหน้าวันเกิดผมประมาณ 1 สัปดาห์ คาชิทาโร่ซังอยู่ดีๆ ก็โผล่มาจากสถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ ถ่ายรูปผมแล้วก็กลับไป ก็คิดอยู่ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ จากนั้นคาชิทาโร่ซังก็เอารูปนั้นไปให้อาจารย์คุวาฮาระวาดเพื่อเป็นของขวัญ เซอร์ไพรส์วันเกิดผม! แล้วอาจารย์ก็เคยวาดภาพสวยๆ มาแสดงความยินดีกับอัลบั้ม Riboot ให้ผมในทวิตเตอร์ด้วยครับ เป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ
- มีตัวเลือกให้เลือกตั้งหลายรูปแต่ริบุซังก็เลือกรูปนี้มาลงนิตยสาร เหตุผลที่เลือกรูปนี้คืออะไร
เหตุผลง่ายๆ เลย มันเป็น first impression น่ะครับ เห็นแล้วคิดว่าเป็นรูปที่สวยดี แถมเป็นรูปเสื้อผ้าที่ผมใส่ตอนขึ้นแสดงบน Rib on"e" ด้วย ถ้าทำให้ทั้งคนที่มาและไม่ได้มาไลฟ์ได้สัมผัสถึงบรรยากาศไปด้วยกันได้ ผมก็คงจะดีใจมากครับ สำหรับคนที่มาไลฟ์คงจะพอรู้จักหน้าตาผมแล้ว แต่อาจารย์ก็ยังวาดออกมาได้น่ารักแบบนี้(หัวเราะ) อาจารย์คุวาฮาระ ขอบคุณมากครับ!!
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น